30+ สำนวนภาษาอังกฤษ ในหมวดหมู่ความสัมพันธ์

การเรียนรู้ สำนวนภาษาอังกฤษ (Idioms) ในหมวดหมู่ความสัมพันธ์จะช่วยให้การสื่อสารของคุณดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น พร้อมทำให้คุณเข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งในบริบททางสังคมได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยทั่วไปหรือในเชิงลึก การเข้าใจสำนวนจะช่วยให้บทสนทนาของคุณดูน่าสนใจ มีสีสัน และยังช่วยป้องกันความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้นได้

ในบทความนี้ เราได้รวบรวมสำนวนที่ใช้บ่อยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ มาให้คุณได้ศึกษากันอย่างละเอียด พร้อมทั้งตัวอย่างการใช้งานในประโยค เพื่อให้คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวันและพัฒนาภาษาอังกฤษของคุณให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

สำนวนภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับความสัมพันธ์

  1. birds of a feather flock together หมายถึง คนที่มีอะไรเหมือนกัน มักชอบพอกัน 
    “No wonder they get on well. They’re birds of a feather!” 
    – ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาเข้ากันได้ดี พวกเขาเหมือนกันมาก 
  2. build bridges หมายถึง สร้างความสัมพันธ์ 
    “A mediator is trying to build bridges between the local community and the owners of the new plant.” 
    – คนกลางกำลังพยายามสร้างความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนท้องถิ่นกับเจ้าของโรงงานแห่งใหม่ 
  3. cut loose หมายถึง ตัดขาดความสัมพันธ์ 
    “He’s thirty years old and still hasn’t cut loose from his family.” 
    – “เขาอายุสามสิบแล้วและยังไม่ได้ตัดขาดจากครอบครัวของเขา” 
  4. see eye to eye หมายถึง เข้าใจตรงกัน หรือ ความเห็นตรงกัน 
    “I’m glad that we see eye to eye on the choice of color scheme.” 
    – ฉันดีใจที่เรามีความเห็นตรงกันในการเลือกโทนสี 
  5. fair-weather friend หมายถึง เพื่อนกิน (เพื่อนที่อยู่กับเราแค่ช่วงเวลาที่เรามีความสุข) 
    “I thought I could count on Bill, but I’ve discovered he’s just a fair-weather friend.” 
    – ฉันคิดว่าฉันสามารถพึ่งพาบิลได้ แต่ฉันรู้ว่าเขาเป็นแค่เพื่อนกินเท่านั้น 
  6. get a frosty reception หมายถึง ได้รับการต้อนรับอย่างเย็นชา 
    “After complaining about their lack of cooperation, Jason got a frosty reception from his colleagues.”  
    – หลังจากที่เขาต่อว่าเพื่อนที่ไม่ให้ความร่วมมือ เจสันได้รับการต้อนรับที่เย็นชาจากเพื่อนร่วมงานของเขา 
  7. get on like a house on fire หมายถึง ถูกคอกันอย่างรวดเร็ว เข้ากันได้อย่างรวดเร็ว 
    “As soon as Sarah met her brother’s girlfriend, they got on like a house on fire.“ 
    – ทันทีที่ซาร่าห์ได้เจอกับแฟนสาวของพี่ชาย พวกเขาก็คุยกันถูกคอกันอย่างรวดเร็ว 
  8. get a raw deal หมายถึง โดนเอาเปรียบ หรือได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดี 
    “Lisa got a raw deal in that company. After working so hard, she got neither a pay increase nor a promotion.” 
    – ลิซ่าโดนเอาเปรียบจากบริษัท เธอทำงานหนักมากแต่กลับเธอไม่ได้รับค่าจ้างหรือเลื่อน    ตำแหน่งเลย 
  9. go with the flow หมายถึง ไหลตามน้ำ หรือ ปล่อยไปตามสถานการณ์ 
    “When my colleagues organise an office party, I just go with the flow.” 
    – เวลาเพื่อนร่วมงานจัดงานปาร์ตี้บริษัท ผมก็แค่ไหลตามน้ำ 
  10. good walls make good neighbours หมายถึง เป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน ต้องไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน 
    “We try not to disturb the people next door. Good walls make good neighbours!” 
    – เราพยายามไม่รบกวนคนข้างบ้าน เป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน 
  11. (like) herding cats หมายถึง การจัดการคนหมู่มากให้เป็นระเบียบ หรือ จับปูใส่กระด้ง 
    “Trying to manage a group of people from different countries is like herding cats!”       
    – การพยายามจัดการกลุ่มคนจากประเทศต่างๆ ก็เหมือนกับการจับปูใส่กระด้ง” 
  12. be an item หมายถึง เป็นแฟนกัน หรือ คบหากันอยู่ 
    “So Sally and Harry are an item, are they?” 
    – แซลลี่กับแฮร์รี่คบกันอยู่เหรอ 
  13. keep at arm’s length หมายถึง ไม่ค่อยสนิทกับใคร หรือ การสร้างกำแพงใส่คนอื่น 
    “It’s not easy to become friends with Sophie; she tends to keep everyone at arm’s length.” 
    – การจะสนิทกับโซฟี้นั้นไม่ง่ายเลย เธอสร้างกำแพงใส่ทุกคน 
  14. kindred spirit หมายถึง ใจตรงกัน หรือ เหมือนกันมาก 
    “They immediately felt they were kindred spirits and became close friends.” 
    – พวกเขารู้ได้ทันทีว่าเหมือนกันมาก และกลายเป็นเพื่อนสนิท 
  15. know someone inside out หมายถึง รู้จักกันดีมาก หรือ รู้ไส้รู้พุง 
    “Sue and Anne have been friends since childhood. They know each other inside out.”   
    – ซูกับแอนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก พวกเขารู้จักกันดีมาก  
  16. kowtow to others หมายถึง ก้มหัวให้ , ยอมทำตาม 
    “Mark refused to kowtow to the committee and decided to work as a consultant.” 
    – มาร์คปฏิเสธที่จะก้มหัวให้คณะกรรมการและตัดสินใจทำงานเป็นที่ปรึกษา 
  17. at loggerheads หมายถึง ไม่ลงรอยกัน หรือ ขัดแย้งกันอย่างรุนแรง 
    “The management and the trade unions are at loggerheads over the decision to close down the plant.” 
    – ผู้บริหารและสหภาพแรงงานไม่ลงรอยกันเกี่ยวกับการตัดสินใจปิดโรงงาน  
  18. match made in heaven หมายถึง คู่สร้างคู่สม 
    “We expected Mark and Caroline to live happily together forever. They seemed to be a match made in heaven!” 
    – เราคาดหวังว่ามาร์คและแคโรไลน์จะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป พวกเขาดูเหมือนจะเป็นคู่สร้างคู่สม 
  19. move in the same circles หมายถึง ไปไหนมาไหนด้วยกัน 
    “I’ve never met the Duchess personally. We don’t move in the same circles!” 
    – ผมไม่เคยรู้จักดัชเชสเป็นการส่วนตัว เราไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน  
  20. on nodding terms  หมายถึง เพื่อนบ้านที่แค่พอรู้จักทักทายกัน 
    “We haven’t made any friends yet but we’re on nodding terms with our neighbours.” 
    – เรายังไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนบ้าน แต่เราก็แค่พอรู้จักทักทายกันบ้าง 
  21. play gooseberry  หมายถึง เป็นก้างขวางคอ 
    “They invited me to join them but I didn’t want to play gooseberry.” 
    – พวกเขาชวนฉันไปด้วย แต่ฉันไม่อยากเป็นก้างขวางคอ  
  22. rob the cradle หมายถึง กินเด็ก 
    “My uncle Ted is dating a twenty-year-old girl. That’s really robbing the cradle!”  
    – ลุงเท็ดผมกำลังคบกับผู้หญิงอายุยี่สิบ! นั่นคือการกินเด็กชัด ๆ เลย 
  23. rub shoulders หมายถึง มีโอกาสใกล้ชิดกับคนดัง 
    “In her job in public relations, Carla sometimes rubs shoulders with famous people.” 
    – ด้วยงานประชาสัมพันธ์ของเธอ บางครั้งคาร์ล่ามีโอกาสใกล้ชิดกับคนดัง 
  24. on the same page / on the same wavelength หมายถึง คิดเหมือนกัน หรือ ใจตรงกัน 
    “We rarely argue. We’re generally on the same wavelength.” 
    – เราไม่ค่อยทะเลาะกัน เรามักจะคิดเหมือนกัน  
  25. significant other หมายถึง คู่ชีวิต หรือ แฟน 
    “Harry says he makes no decisions without consulting his significant other. 
    – แฮรี่บอกว่าเขาจะไม่ตัดสินใจอะไรเลยเอง โดยไม่ปรึกษาคู่ชีวิต 
  26. speak same language หมายถึง เข้าใจกัน หรือ คิดเหมือนกัน 
    “We work well together because we speak the same language.” 
    – เราทำงานด้วยกันได้ดีเพราะเราเข้าใจกัน 
  27. stormy relationship หมายถึง ความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่น 
    “After a very stormy relationship, they decided to separate.” 
    – พวกเขาก็ตัดสินใจแยกทางกัน หลังจากความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่น 
  28. strictly business หมายถึง ไม่มีอะไรเกินเลยนอกเหนือจากงาน 
    “Yes, we had lunch together but it was strictly business.” 
    – ใช่ เราทานข้าวด้วยกัน แต่มันไม่มีอะไรเกินเลยนอกเหนือจากงาน 
  29. string someone along หมายถึง  ไม่จริงจังด้วย หรือ หลอกให้ความหวัง 
    “Bob finally understood that Mary had just been stringing him along; she had no intention of marrying him.” 
    – ในที่สุดบ็อบก็เข้าใจได้ว่าแมรี่ไม่ได้จริงจังในการคบกับเขา เธอไม่มีความตั้งใจที่จะแต่งงานกับเขา 
  30. no strings attached หมายถึง ไม่มีข้อผูกมัด หรือ ไม่ต้องหวังผลตอบแทน 
    “I’ll drive you home – no strings attached.” 
    – เดี๋ยวผมไปส่ง ไม่ต้องคิดมากผมไม่ได้หวังผลตอบแทน  
  31. as thick as thieves หมายถึง เพื่อนสนิท หรือ เพื่อนซี้กัน 
    “Chris always takes Danny’s side. They’re as thick as thieves“. 
    – คริสโตเฟอร์เข้าข้างแดนนี่เสมอ พวกเขาเป็นเพื่อนซี้กัน 
  32. think the sun rises and sets on someone หมายถึง การที่เห็นใครคนหนึ่งเป็นคนสำคัญมาก 
    “She adores her husband – she thinks the sun rises and sets on him!” 
    – เธอรักสามีของเธอ เธอคิดว่าเขาคือคนสำคัญของเธอ 
  33. think the world of someone หมายถึง ชอบมาก หรือ ยกย่อง 
    “She’s a wonderful grandmother – the children think the world of her.”  
    – เธอเป็นคุณยายที่ยอดเยี่ยม เด็กๆ ชอบคุณยายมาก  
  34. (through) thick and thin หมายถึง ไม่ว่าสุขหรือทุกข์  หรือเคียงข้างกันเสมอ 
    “Bob is famous today, but Tom is still his best friend, the one who supported him through thick and thin.” 
    – ทุกวันนี้บ็อบโด่งดัง แต่ทอมยังเป็นเพื่อนสนิทที่สุด เป็นคนที่คอยสนับสนุนเขามาไม่ว่าสุขหรือทุกข์  
  35. tied to someone’s apron strings หมายถึง เป็นเด็กติดแม่ 
    “All his decisions are influenced by his mother. He’s still tied to her apron strings.” 
    – ทุกการตัดสินใจของเขาได้รับอิทธิพลจากแม่ เขายังเป็นเด็กติดแม่ 
  36. two’s company , three’s a crowd หมายถึง มีกัน 2 คนก็ดีแล้ว คนที่สามคือส่วนเกิน 
    “I’d rather not come to the cinema with you, thanks. Two’s company …!“ 
    – ฉันไม่ไปดูหนังกับคุณดีกว่า ขอบใจนะ ไปกัน 2 คนก็ดีแล้ว 
  37. two-time somebody หมายถึง นอกใจ  
    “Sally left Harry when she discovered he was two-timing her.” 
    – แซลลี่เลิกกับแฮรี่ เมื่อเธอรู้ว่าเขานอกใจเธอ 
  38. walking papers หมายถึง โดนไล่ออก หรือถูกปลดออก 
    “After causing a diplomatic incident, Carter got his walking papers.” 
    – คาร์เตอร์ถูกปลดออก หลังจากก่อเหตุการณ์ทางการทูต 

ทำไมการเรียนรู้สำนวนภาษาอังกฤษจึงสำคัญ?

การเรียนรู้สำนวนภาษาอังกฤษเป็นมากกว่าการท่องจำคำศัพท์ทั่วไป สำนวนเหล่านี้มักสะท้อนถึงวัฒนธรรม ความคิด และทัศนคติของเจ้าของภาษา ทำให้การสื่อสารมีความลึกซึ้งและน่าสนใจมากขึ้น การที่เราสามารถนำสำนวนมาใช้ได้อย่างเหมาะสม จะช่วยให้บทสนทนาของเราฟังดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

เรียนภาษาอังกฤษกับ Speak Up ดีไหม

การฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองอาจทำให้คุณเข้าใจสำนวนได้ในระดับหนึ่ง แต่หากคุณต้องการพัฒนาให้ถึงขั้นที่สามารถใช้สำนวนได้อย่างเป็นธรรมชาติ Speak Up เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการเรียนภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทักษะการฟัง การพูด หรือการใช้สำนวนอย่างถูกต้อง 

Speak Up มีคอร์สเรียนที่ครอบคลุมทั้งในส่วนของการสื่อสารเชิงสนทนาและการใช้งานสำนวนในบริบทต่าง ๆ ทีมผู้สอนมากประสบการณ์ของเราจะช่วยให้คุณเข้าใจถึงบริบทการใช้สำนวนและทำให้คุณสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจ 

สิ่งที่คุณจะได้รับจากการเรียนที่ Speak Up:

  1. การสอนแบบตัวต่อตัว: การเรียนกับครูผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจจุดอ่อนของคุณและปรับบทเรียนให้เหมาะสม
  2. เน้นทักษะการสื่อสาร: คุณจะได้ฝึกใช้สำนวนและประโยคที่ใช้บ่อยในการสนทนา
  3. การเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น: สามารถเลือกเรียนได้ทั้งในห้องเรียนและออนไลน์
  4. การวัดผลอย่างต่อเนื่อง: ติดตามความก้าวหน้าของคุณเพื่อให้แน่ใจว่าคุณพัฒนาทักษะได้อย่างเต็มที่

วิธีการใช้สำนวนในการสนทนาจริง

  1. ฝึกใช้สำนวนบ่อยๆ: ลองนำสำนวนที่คุณเรียนรู้มาใช้ในสถานการณ์จริง ฝึกพูดกับเพื่อนหรือในที่ทำงาน 
  2. ศึกษาจากตัวอย่าง: ดูภาพยนตร์ ฟังเพลง หรืออ่านหนังสือที่มีการใช้สำนวน เพื่อดูว่าเจ้าของภาษาใช้สำนวนเหล่านี้อย่างไร 
  3. อย่ากังวลหากผิดพลาด: การฝึกใช้สำนวนในครั้งแรกอาจจะดูยาก แต่การฝึกบ่อยๆ จะทำให้คุณคุ้นเคยและสามารถใช้ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น 

การเข้าใจและนำสำนวนภาษาอังกฤษมาใช้ในการสนทนา ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณพูดได้เหมือนเจ้าของภาษา แต่ยังทำให้การสื่อสารดูมีสีสันและน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ฝึกใช้สำนวนเหล่านี้เป็นประจำ แล้วคุณจะพบว่าทักษะภาษาอังกฤษของคุณพัฒนาขึ้นอย่างมาก! 

โปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นสุดคุ้มเฉพาะนักเรียนใหม่! คอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save