ทำความรู้จัก Prepositions คืออะไร มีกี่แบบ

Prepositions (คำบุพบท) คือ คำที่ใช้เพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างคำนามหรือสรรพนามกับคำอื่น ๆ ในประโยค คำบุพบทมักจะบอกตำแหน่ง (place), เวลา (time), ทิศทาง (direction), วิธีการ (manner), สาเหตุ (cause), วัตถุประสงค์ (purpose) และความสัมพันธ์อื่น ๆ เป็นส่วนสำคัญของภาษาที่มีบทบาทในการสร้างประโยคที่มีความหมายชัดเจนและถูกต้อง ซึ่งมีความสำคัญมากในการเข้าใจและสื่อสารในภาษา ซึ่งจะช่วย กำหนดตำแหน่งและทิศทาง ช่วยระบุเวลาและช่วงเวลา ช่วยแสดงสาเหตุ และเหตุผล ช่วยระบุวัตถุประสงค์

ดังนั้น Prepositions เป็นส่วนสำคัญที่ไม่ควรละเลยในการเรียนรู้และใช้ภาษาอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน ซึ่งเราจะได้เรียนเรื่องนี้กันตั้งแต่ประถม โดยเริ่มจากการเรียน  in on at แกรมม่าที่ต้องรู้ ที่ทุกคนจะต้องเคยเรียนกันมาอย่างแน่นอน แต่ Prepositions ไม่ได้มีแค่นั่น ยังมีคำศัพท์ที่คุณควรเรียนรู้ดังนี้

Preposition มีอะไรบ้าง

prepositions สามารถใช้ในการบอกคำบุพบทได้หลายบริบท ซึ่งถ้าเราแบ่งเป็น ประเภทของ Prepositions ได้ดังนี้

Prepositions of Place

Prepositions of Place คือคำบุพบทบอกสถานที่ เป็นคำที่ใช้บอกตำแหน่งของวัตถุหรือบุคคลว่าอยู่ที่ไหน โดยจะอยู่ก่อนคำนามที่บอกตำแหน่งนั้นๆ

In

ใช้เมื่อกำลังพูดถึงการอยู่ในอาคารหรือพื้นที่ที่มีขอบเขตชัดเจน เช่น She is in the room. (เธออยู่ในห้อง) , The cat is in the box. (แมวอยู่ในกล่อง) , We live in Bangkok. (เราอาศัยอยู่ในกรุงเทพ)

On

ใช้เมื่อกำลังพูดถึงสิ่งที่อยู่บนพื้นผิว เช่น The book is on the table. (หนังสืออยู่บนโต๊ะ) , There is a picture on the wall. (มีภาพอยู่บนผนัง) , The cat is on the roof. (แมวอยู่บนหลังคา)

At

ใช้เมื่อกำลังพูดถึงตำแหน่งที่แน่นอนหรือจุดที่กำหนดไว้ เช่น She is at the door. (เธออยู่ที่ประตู) , We met at the station. (เราพบกันที่สถานี) , He is at the office. (เขาอยู่ที่สำนักงาน)

Under

ใช้เมื่อกำลังพูดถึงสิ่งที่อยู่ด้านล่างของสิ่งอื่น เช่น The dog is under the table. (หมาอยู่ใต้โต๊ะ) , The shoes are under the bed. (รองเท้าอยู่ใต้เตียง)

Above

ใช้เมื่อกำลังพูดถึงสิ่งที่อยู่ด้านบนของสิ่งอื่นแต่ไม่ได้แตะกัน เช่น The clock is above the door. (นาฬิกาอยู่เหนือประตู) , The airplane flew above the clouds. (เครื่องบินบินอยู่เหนือเมฆ)

Between

ใช้เมื่อกำลังพูดถึงสิ่งที่อยู่ระหว่างสองสิ่ง เช่น The child is sitting between her parents. (เด็กนั่งอยู่ระหว่างพ่อแม่ของเธอ) , The park is between the school and the library. (สวนสาธารณะอยู่ระหว่างโรงเรียนกับห้องสมุด)

Among

ใช้เมื่อกำลังพูดถึงสิ่งที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มของสิ่งหลาย ๆ เช่น The flowers are among the grass. (ดอกไม้อยู่ท่ามกลางหญ้า) , He is popular among his friends. (เขาเป็นที่นิยมในหมู่เพื่อน ๆ ของเขา)


Prepositions of Time

Prepositions of Time คือคำบุพบทบอกเวลา ใช้ในการระบุเวลาหรือช่วงเวลาในประโยค ซึ่งช่วยให้เราเข้าใจว่าเหตุการณ์หรือกิจกรรมเกิดขึ้นเมื่อไหร่หรือในช่วงเวลาใด

At

ใช้กับเวลาที่แน่นอนหรือที่เกี่ยวข้องกับการระบุเวลาที่มีขอบเขตชัดเจน เช่น at 6 o’clock (เวลา 6 โมง) , at noon (เที่ยง) , at midnight (เที่ยงคืน) , at sunrise (ตอนรุ่งอรุณ) , at sunset (ตอนพระอาทิตย์ตก)

On

ใช้กับวันที่ที่ระบุได้เป็นชื่อ เช่น on Monday (วันจันทร์) , on January 1st (วันที่ 1 มกราคม) , on my birthday (วันเกิดของฉัน) , on New Year’s Day (วันปีใหม่)

In

ใช้กับช่วงเวลาที่กว้างขวาง หรือช่วงเวลาที่ไม่ระบุได้เป็นจำนวนชัดเจน เช่น in the morning (ในตอนเช้า) , in the afternoon (ในตอนบ่าย) , in the evening (ในตอนเย็น) , in July (ในเดือนกรกฎาคม) , in the 20th century (ในศตวรรษที่ 20)

Before

ใช้เมื่อต้องการระบุเวลาก่อนเหตุการณ์หนึ่ง เช่น before noon (ก่อนเที่ยง) , before sunset (ก่อนพระอาทิตย์ตก) , before the meeting (ก่อนการประชุม)

After

ใช้เมื่อต้องการระบุเวลาหลังเหตุการณ์หนึ่ง เช่น after 5 o’clock (หลังเวลา 5 โมง) , after dinner (หลังอาหารเย็น) , after the movie (หลังจากภาพยนตร์)

During

ใช้เมื่อต้องการระบุช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์หนึ่ง เช่น during the summer (ตลอดฤดูร้อน) , during the meeting (ระหว่างการประชุม)


Prepositions of Direction

Prepositions of Direction คือคำบุพบทบอกทิศทาง เป็นคำบุพบทที่ใช้เพื่อระบุทิศทางหรือเส้นทางในการเคลื่อนที่ของสิ่งต่าง ๆ ในประโยค ซึ่งช่วยให้เราสามารถอธิบายการเคลื่อนที่หรือตำแหน่งที่ตั้งของสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน เช่น

To

ใช้เมื่อกำลังเคลื่อนที่ไปยังทิศทางหรือจุดหมาย เช่น He walked to the store. (เขาเดินไปที่ร้าน) , She is going to school. (เธอกำลังไปโรงเรียน)

Towards

ใช้เมื่อกำลังเคลื่อนที่ไปในทิศทางของจุดหมาย เช่น  The plane is flying towards the mountains. (เครื่องบินกำลังบินไปที่ภูเขา) , He walked towards the door. (เขาเดินไปใกล้ประตู)

Into

ใช้เมื่อกำลังเข้าไปในภายในของสิ่งหนึ่ง เช่น She went into the house. (เธอเข้าไปในบ้าน) , He jumped into the pool. (เขากระโดดลงในสระว่ายน้ำ)

Out of

ใช้เมื่อออกจากภายในของสิ่งหนึ่ง เช่น They ran out of the building. (พวกเขาวิ่งออกจากอาคาร) , He stepped out of the car. (เขาก้าวออกจากรถ)

From

ใช้เมื่อมีการเคลื่อนที่ไปมาจากทิศทางหนึ่งไปยังอีกทิศทางหนึ่ง เช่น He came from the airport. (เขามาจากสนามบิน) ,  The river flows from the mountains. (แม่น้ำไหลมาจากภูเขา)

Towards

ใช้เมื่อกำลังเคลื่อนที่ไปในทิศทางของจุดหมาย เช่น The plane is flying towards the mountains. (เครื่องบินกำลังบินไปที่ภูเขา) , He walked towards the door. (เขาเดินไปใกล้ประตู)

Across

ใช้เมื่อกำลังเคลื่อนที่ข้ามขวางหรือข้ามผ่านบนพื้นหรือผ่านอย่างอื่น ๆ เช่น He swam across the river. (เขาว่ายน้ำข้ามแม่น้ำ) , They walked across the bridge. (พวกเขาเดินข้ามสะพาน)

Through

ใช้เมื่อกำลังเคลื่อนที่ผ่านตรงกลางของสิ่งหนึ่ง เช่น The car drove through the tunnel. (รถยนต์ขับผ่านอุโมงค์) , She walked through the forest. (เธอเดินผ่านป่า)


Prepositions of Manner

Prepositions of Manner  คือคำบุพบทบอกวิธีการ เป็นคำบุพบทที่ใช้เพื่อระบุวิธีการทำสิ่งต่าง ๆ หรือวิธีการเกิดขึ้นของเหตุการณ์ โดยช่วยให้เราเข้าใจถึงวิธีที่สิ่งนั้นเกิดขึ้นหรือถูกดำเนินการได้อย่างชัดเจน เช่น

By

ใช้เมื่อกำลังใช้เครื่องมือหรือวิธีการเฉพาะเพื่อทำสิ่งนั้น เช่น She traveled to Paris by plane. (เธอเดินทางไปปารีสโดยเครื่องบิน) , He writes his novels by hand. (เขาเขียนนวนิยายของเขาด้วยมือ)

With

ใช้เมื่อกำลังใช้สิ่งช่วยหรือสิ่งที่ใช้ในการดำเนินการ เช่น She cut the paper with scissors. (เธอตัดกระดาษด้วยกรรไกร) , He eats his soup with a spoon. (เขากินซุปด้วยช้อน)

Like

ใช้เมื่ออธิบายถึงการทำสิ่งใด ๆ แบบเดียวกับอะไรอื่น เช่น He ran like a cheetah. (เขาวิ่งเหมือนเสือชีตา) , She sang like an angel. (เธอร้องเพลงเหมือนนางฟ้า)

As

ใช้เมื่ออธิบายถึงการทำสิ่งใด ๆ แบบเดียวกับอะไรอื่น เช่น He paints as a hobby. (เขาวาดภาพเป็นงานอดิเรก) , She works as a teacher. (เธอทำงานเป็นครู)


Prepositions of Cause, Reason, and Purpose

Because of

ใช้เมื่อต้องการระบุสาเหตุหรือเหตุผลที่ทำให้เกิดเหตุการณ์หรือสถานการณ์นั้น ๆ เช่น She was late because of the traffic. (เธอมาสายเพราะการจราจร) , The event was canceled because of the rain. (เหตุการณ์ถูกยกเลิกเนื่องจากฝนตก)

Due to

ใช้เมื่อต้องการระบุสาเหตุหรือเหตุผลที่ส่งผลให้เกิดเหตุการณ์นั้น ๆ เช่น The flight was delayed due to bad weather. (เที่ยวบินเลื่อนเวลาเนื่องจากสภาพอากาศไม่ดี) , The game was canceled due to lack of players. (เกมถูกยกเลิกเนื่องจากขาดผู้เล่น)

For

ใช้เมื่อต้องการระบุวัตถุประสงค์หรือเหตุผลที่สนับสนุนการกระทำหรือสถานการณ์ เช่น She apologized for her mistake. (เธอขอโทษเกี่ยวกับความผิดพลาดของเธอ) , He bought flowers for his wife. (เขาซื้อดอกไม้ให้ภรรยาของเขา)

In order to

ใช้เมื่อต้องการระบุวัตถุประสงค์หรือเหตุผลที่เป็นที่น่าสนใจของการกระทำ เช่น He studied hard in order to pass the exam. (เขาเรียนอย่างเข้มงวดเพื่อผ่านการสอบ) , She saved money in order to buy a car. (เธอเก็บเงินเพื่อซื้อรถ)

Prepositions หรือ “คำบุพบท” มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการสื่อสาร ทำหน้าที่เชื่อมโยงคำหรือวลีต่างๆ เข้าด้วยกัน ช่วยให้ประโยคมีความสมบูรณ์และเข้าใจความหมายได้ชัดเจน การเรียนรู้การใช้ Prepositions อย่างถูกต้อง จะช่วยให้คุณสามารถสื่อสารภาษาไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คอร์สเรียนภาษาอังกฤษกับราคาที่คุ้มค่า

คอร์สเรียนภาษาอังกฤษของ Speak Up Thailand ตอบโจทย์ทุกความฝัน และทุกความต้องการของคุณ ยิ่งเรียนระยะยาวยิ่งราคาลดลง  Speak Up Thailand เส้นทางสู่ความสำเร็จ

โปรโมชั่นคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์
พิเศษ สำหรับเดือนนี้เท่านั้น

Intensive Course เรียนสดออนไลน์ 40 ชั่วโมง 3 เดือน

เรียนสดออนไลน์กับคุณครูเจ้าของภาษา 40 ชั่วโมง
แถมฟรี! บทเรียน Multimedia 40 ชั่วโมง
แถมฟรี! Smart E-Book ลิขสิทธิ์เฉพาะ 40 ชั่วโมง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลวส่วนบบุคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

Save