10 คำศัพท์ภาษาอังกฤษยากๆ ที่หลายคนอาจยังไม่รู้!

สำหรับคนที่ชอบในการเรียนภาษาอังกฤษ ถึงแม้ว่าจะรู้สึกว่าเราเก่งภาษาอังกฤษในระดับหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังคงมีบ้างคำศัพท์ยากๆ ที่เราได้ยินแล้วยังไม่เข้าใจดี แม้แต่เจ้าของภาษาก็ยังสะดุดกับคำที่ยุ่งยากบางคำอยู่บ่อย ๆ บางครั้งก็เข้าใจยาก บางครั้งก็ถูกใช้ผิดบ่อยจนความหมายดั้งเดิม การออกเสียงก็เป็นปัญหาได้เช่นกัน ในบทความของเราจะอธิบายเกี่ยวกับคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ยากที่สุด และหลายคนสับสน ต่อไปนี้เป็น 10 คำที่ยากที่สุดในภาษาอังกฤษ

ศัพท์ภาษาอังกฤษยาก ๆ พร้อม แปล

1. Literally (แท้จริง)

Literally แปลว่าแท้จริง เช่น in a literal sense (ในความหมายที่แท้จริง) หรือ what I’m saying is not imagined, but truly happened as I’m saying it. (สิ่งที่ฉันพูดไม่ได้คิดไปเอง แต่เกิดขึ้นจริงตามที่ฉันพูด)

แต่ก็มีหลายคนนำคำว่า Literally ไปใช้สื่อความหมายถึงความดันโลหิตสูงขึ้น หรือเลือดสูบฉีด เช่น I literally died laughing. (ฉันหัวเราะจนแทบตาย) หรือ He was so embarrassed his cheeks literally burned up (เขาเขินอายจนแก้มแดงก่ำ) ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ใน พจนานุกรมภาษาอังกฤษฉบับออกซฟอร์ด ซึ่งได้ระบุไว้ว่า “literally” เป็นคำศัพท์ที่ไม่เป็นทางการ โดยอนุญาตให้ใช้เพื่อเน้นความหมายได้ แต่ก็ยังคงไม่ถูกไวยากรณ์

2. Ironic (ประชดประชัน)

นี่คือคำที่สร้างความสับสนให้กับผู้พูดภาษาอังกฤษเกือบทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของภาษาหรือไม่ก็ตาม ซึ่งคำว่า “ironic” มักถูกเข้าใจว่าหมายถึงความบังเอิญหรือเหตุการณ์แปลกประหลาด แต่ความหมายนั้นไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมด เพราะคำว่า “ironic”สามารถสื่อความหมายได้หลายอย่าง แต่โดยง่ายที่สุดจะใช้คำนี้เพื่อแสดงความหมาย ตรงข้าม กับความหมายคำก่อนหน้า ซึ่งจะแตกต่างจากการพูดเสียดสี เพราะเป็นการประชดไม่ได้มีเจตนาทำร้าย ให้เจ็บปวด แต่ก็ยังมีการประชดประชัดในแบบต่างๆ อีก เช่น dramatic irony, situational irony, historical irony เป็นต้น

3. Irregardless แปลว่า ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม (มักใช้แทนคำว่า Regardless)

คุณอาจเคยได้ยินคนใช้คำว่า “Irregardless” เมื่อพวกเขาต้องการพูดว่า “Regardless” โดยคำว่า”Regardless” หมายถึง “โดยไม่คำนึงถึง” หรือ “แม้จะมีบางอย่าง” เช่น “He maxed out his credit card regardless of the consequences,” เขาใช้บัตรเครดิตเต็มแม็กซ์โดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา”)

แต่จริงๆแล้วคำว่า “Irregardless” ไม่ใช่คำพ้องความหมายของคำว่า Regardless  เนื่องจากเป็นคำที่มีความหมายปฏิเสธซ้อนกัน โดยใช้คำนำหน้าด้วย ir หมายถึง “ไม่” และคำลงท้าย -less หมายถึง “โดยไม่มี” มันจึงหมายถึง “ไม่ใช่โดยไม่คำนึงถึง” ซึ่งตรงกันข้ามกับสิ่งที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ใช้กัน

ถึง แม้ว่า “irregardless” จะปรากฏในพจนานุกรมก็ตาม แต่มันถูกระบุว่าเป็นคำที่ไม่เป็นมาตรฐาน นั่นหมายความว่า แม้ว่าจะเป็นคำศัพท์ที่มีอยู่จริง แต่ผู้ใช้ควรเข้าใจในความหมายที่แท้จริงก่อนนำมาใช้

4. Whom (ใคร)

ในภาษาอังกฤษ เราใช้ “who” เพื่ออ้างถึงประธานในประโยค และ “whom” เพื่ออ้างถึงกรรม แต่คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องใช้คำไหน ในการตอบ “whom” ระหว่าง  “him” หรือ “he” ซึ่งเป็นปัญหาที่ใครหลายๆคนกำลังสับสนในจุดนี้อยู่ เคล็ดลับง่ายๆในการตอบคำถามคือให้สังเกตุทั้งสองคำลงท้ายด้วย m นั่นคือ whom ตอบ him

ตัวอย่าง:
A : ….. (Who/whom) are you going to Brazil with?
B : With him”
ดังนั้น whom คือคำที่ถูก!

5. Colonel (พันเอก)

หลายคนเห็นคำว่า Colonel จะนึกถึงยศทหาร คุณอาจคิดว่าออกเสียงเป็น co-lo-nel ซึ่งมันก็ไม่ได้ผิด แต่มันสามารถออกเสียงเป็น kernel (เหมือนเมล็ดข้าวโพด)! โดยมีที่มาจากเรื่องราวเก่าแก่เกี่ยวกับการยืมคำมา “Colonel” มาจากภาษาฝรั่งเศส ซึ่งเดิมยืมมาจากภาษาอิตาลี จากนั้นพวกเขาก็เปลี่ยนตัวอักษร (coronel) จากนั้นภาษาอังกฤษก็ยืมคำนี้มาใช้เอง ก่อนที่ทั้งภาษาฝรั่งเศสและอังกฤษจะเปลี่ยนกลับไปใช้การสะกดดั้งเดิม และภาษาอังกฤษก็ออกเสียงแบบใหม่ทั้งหมด

6. Nonplussed (งง)

คำนำหน้า -non หมายถึง “ไม่” บางคนจึงใช้ “nonplussed” ผิด โดยมักจะแปลว่า “เฉย” หรือ “ไม่สนใจ” ในความเป็นจริง “nonplussed” หมายถึง “งงงวย” หรือ “ไม่รู้จะคิดอย่างไร” น่าเสียดายที่คำนี้มักถูกใช้ทั้งสองแบบ จนทำให้ยากที่จะเข้าใจว่าผู้เขียนตั้งใจจะสื่อความหมายแบบไหน

7. Disinterested (เป็นกลาง)

ลองนึกภาพว่าคุณอยู่ในศาล คุณอยากให้ใครเป็นผู้พิพากษาคดีของคุณ? ผู้พิพากษาที่ disinterested หรือ uninterested? หวังว่าคุณจะเลือกคนแรกนะ! ในขณะที่ผู้พิพากษาที่ใช้คำว่า uninterested จะนั่งอ้าปากหวอดและเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ ส่วนผู้พิพากษาที่ disinterested จะมีแนวโน้มที่จะฟังทุกฝ่ายของคดีและตัดสินอย่างเป็นกลางมากขึ้น นั่นหมายความว่าคนๆ disinterested คือ ไม่มีอคติและไม่เข้าข้างฝ่ายใด ในขณะที่คน uninterested คือ ไม่สนใจอะไรเลยตั้งแต่แรก

8. Enormity (ความชั่วร้ายร้ายแรง)

คำนี้ดูเหมือนง่ายพอสมควร “Enormity” ใกล้เคียงกับ “enormous” มากพอที่จะเป็นคำพ้องความหมายได้ ใช่ไหม? แต่จริงๆแล้ว “Enormity” หมายถึง “ความชั่วร้ายร้ายแรง” แบบที่บรรยายไม่ออก ดังนั้น การใช้คำทั่วไปอย่าง “the enormity of the situation…” (ความโหดร้ายของสถานการณ์…) จึงไม่ถูกต้อง เว้นแต่ว่าคุณกำลังพูดถึงการกระทำชั่วร้ายจริงๆ

9. Lieutenant (ร้อยโท)

ศัพท์ทางทหารอีกคำที่ทำให้เราสับสน! ในภาษาอังกฤษแบบ British คำนี้จะออกเสียงว่า leftenant แต่ในสหรัฐอเมริกาคุณจะได้ยิน loo-tenant ทั้งสองที่ยังคงเขียนเหมือนกัน  เพื่อให้มันน่าสนใจ!

10. Unabashed (ไม่ขายหน้า)

หลายคนเจอคำนี้อาจจะงงไปเลย Unabashed คำศัพท์ที่มีคำนำหน้าด้วย “un” กับคำที่ไม่คุ้นเคยอย่าง “abash” โดย “abash” หมายถึง ทำให้ขายหน้าหรือสับสน แต่ไม่ได้ถูกใช้มานานหลายศตวรรษแล้ว ในทางกลับกัน unabashed เวอร์ชั่นที่ตรงกันข้าม ใช้ในปัจจุบันและหมายถึง “ไม่ขายหน้า” ดังนั้น ครั้งต่อไปที่คุณฝึกภาษาอังกฤษ พูดด้วยความกระตือรือร้นอย่างไม่สะทกโจน!

ในภาษาอังกฤษไม่มีจำนวนคำศัพท์ที่แน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าใช้เกณฑ์อะไรในการนับ พจนานุกรมภาษาอังกฤษทั่วไป มักมีคำศัพท์ประมาณ 250,000 – 350,000 คำ พจนานุกรมภาษาอังกฤษแบบครบถ้วน อาจมีคำศัพท์มากกว่า 600,000 คำ ซึ่งความเป็นจริงแล้ว เราใช้คำศัพท์ที่ใช้บ่อย ในภาษาอังกฤษมีประมาณ 3,000 – 5,000 คำศัพท์เท่านั่น จึงไม่แปลกว่าเราอาจจะยังไม่รู้จักคำศัพท์ทุกคำ ยิ่งถ้าคุณไม่ได้เป็นคนที่ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน แน่นอนว่าคุณอาจจะมีคำศัพท์ไม่เยอะมาก

สำหรับใครที่อยากอัพคลังคำศัพท์ภาษาอักฤษ เรามี Podcast ให้คุณได้ลองมาเช็คกันดูว่า คุณรู้จักคำศัพท์ได้มากน้อยแค่ไหน ใน #สปีคอัพพอดคอสต์ ที่จะเข้ามาช่วยขยายคลังคำศัพท์ให้กับคุณ

คอร์สเรียนภาษาอังกฤษกับราคาที่คุ้มค่า

คอร์สเรียนภาษาอังกฤษของ Speak Up Thailand ตอบโจทย์ทุกความฝัน และทุกความต้องการของคุณ ยิ่งเรียนระยะยาวยิ่งราคาลดลง  Speak Up Thailand เส้นทางสู่ความสำเร็จ

โปรโมชั่นคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์
พิเศษ สำหรับเดือนนี้เท่านั้น

Intensive Course เรียนสดออนไลน์ 40 ชั่วโมง 3 เดือน

เรียนสดออนไลน์กับคุณครูเจ้าของภาษา 40 ชั่วโมง
แถมฟรี! บทเรียน Multimedia 40 ชั่วโมง
แถมฟรี! Smart E-Book ลิขสิทธิ์เฉพาะ 40 ชั่วโมง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลวส่วนบบุคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

Save