เทคนิคการจำ Tense ทั้ง 12 พร้อมตัวอย่าง  

Tense ในภาษาอังกฤษมีทั้งหมด 12 รูปแบบ ซึ่งอาจดูเยอะและซับซ้อน แต่ถ้าเข้าใจโครงสร้างและหลักการใช้งานก็ไม่ยากอย่างที่คิด! ในบทความนี้ เราจะสรุปการใช้ Tense พร้อม ตัวอย่าง และที่สำคัญคือ เทคนิคช่วยจำ ให้คุณเรียนรู้ได้เร็วขึ้น 🚀 

ทำไมต้องเรียน Tense? 

Tense คือ กาลของกริยา เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ เพราะช่วยให้เราสื่อสารได้ถูกต้องและชัดเจน หากเราใช้ Tense ผิด อาจทำให้สื่อความหมายคลาดเคลื่อน เช่น “I eat lunch” (ฉันกินข้าวกลางวันเป็นประจำ) กับ “I am eating lunch” (ฉันกำลังกินข้าวอยู่ตอนนี้) แม้จะดูคล้ายกันแต่ความหมายต่างกันโดยสิ้นเชิง! 

ทำไมการใช้ Tense จึงสำคัญ? 
ใช้ถูกต้อง = สื่อสารได้ชัดเจน → ทำให้ผู้ฟังเข้าใจสิ่งที่เราต้องการสื่อ 
ช่วยให้พูดและเขียนได้อย่างเป็นธรรมชาติ → ไม่ใช่แค่เรียนแกรมม่า แต่เป็นการนำไปใช้ในชีวิตจริง 
จำเป็นสำหรับการสอบภาษาอังกฤษทุกระดับ → เช่น TOEIC, IELTS, TOEFL และ CEFR 

แต่หลายคนอาจรู้สึกว่า Tense มีตั้ง 12 แบบ จำยากจัง! 😵‍💫 ไม่ต้องกังวล! บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจ Tense ทั้ง 12 แบบอย่างละเอียด พร้อม เทคนิคการจำ และ ตัวอย่างที่ใช้ได้จริง 

Tense ทั้ง 12 พร้อมตัวอย่าง 

1. Present Tense (ปัจจุบัน) 

1.1 Present Simple (เหตุการณ์ทั่วไป / ความจริง / นิสัย) 

โครงสร้าง: 
👉 Subject + V1 (s, es) (ถ้าประธานเป็นเอกพจน์เติม s/es) 
เทคนิคจำ: 
🔹 Simple = เรื่องปกติ เช่น กินข้าวทุกวัน / ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก 

ตัวอย่าง: 

  • The sun rises in the east. (ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก) 
  • She drinks coffee every morning. (เธอดื่มกาแฟทุกเช้า) 

📝 คำบอกเวลา: always, usually, often, sometimes, every day 

1.2 Present Continuous (กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ / ชั่วคราว) 

โครงสร้าง: 
👉 Subject + is/am/are + V-ing 
เทคนิคจำ: 
🔹 Continuous = กำลังทำอะไรตอนนี้ 

ตัวอย่าง: 

  • She is studying English now. (เธอกำลังเรียนภาษาอังกฤษตอนนี้) 
  • We are traveling to Japan next week. (เรากำลังจะเดินทางไปญี่ปุ่นสัปดาห์หน้า) 

📝 คำบอกเวลา: now, at the moment, currently 

1.3 Present Perfect (เคยทำ / เพิ่งทำเสร็จ / มีผลถึงปัจจุบัน) 

โครงสร้าง: 
👉 Subject + has/have + V3 
เทคนิคจำ: 
🔹 Perfect = ทำเสร็จแล้ว หรือ มีประสบการณ์ 

ตัวอย่าง: 

  • I have visited Japan twice. (ฉันเคยไปญี่ปุ่นสองครั้ง) 
  • She has finished her homework. (เธอทำการบ้านเสร็จแล้ว) 

📝 คำบอกเวลา: ever, never, already, just, yet, so far 

1.4 Present Perfect Continuous (ทำต่อเนื่องมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน) 

โครงสร้าง: 
👉 Subject + has/have been + V-ing 
เทคนิคจำ: 
🔹 Perfect Continuous = ทำมานานแล้ว 

ตัวอย่าง: 

  • He has been working here for 5 years. (เขาทำงานที่นี่มา 5 ปีแล้วและยังทำอยู่) 
  • It has been raining all day. (ฝนตกมาทั้งวันแล้ว) 

📝 คำบอกเวลา: for, since, lately 

2. Past Tense (อดีต) 

2.1 Past Simple (เหตุการณ์ในอดีตจบไปแล้ว) 

โครงสร้าง: 
👉 Subject + V2 
เทคนิคจำ: 
🔹 Simple = เรื่องปกติในอดีต 

ตัวอย่าง: 

  • She visited Paris last year. (เธอไปปารีสเมื่อปีที่แล้ว) 
  • They bought a new house. (พวกเขาซื้อบ้านใหม่แล้ว) 

📝 คำบอกเวลา: yesterday, last year, ago 

2.2 Past Continuous (กำลังเกิดขึ้นในอดีต) 

โครงสร้าง: 
👉 Subject + was/were + V-ing 
เทคนิคจำ: 
🔹 Continuous = กำลังทำอยู่ในอดีต 

ตัวอย่าง: 

  • I was sleeping when the phone rang. (ฉันกำลังนอนอยู่ตอนที่โทรศัพท์ดัง) 

📝 คำบอกเวลา: while, when 

2.3 Past Perfect (เกิดขึ้นก่อนอีกเหตุการณ์หนึ่งในอดีต) 

โครงสร้าง: 
👉 Subject + had + V3 
เทคนิคจำ: 
🔹 Perfect = ทำเสร็จแล้วในอดีต 

ตัวอย่าง: 

  • She had left before I arrived. (เธอออกไปแล้วก่อนที่ฉันจะมาถึง) 

📝 คำบอกเวลา: before, after 

2.4 Past Perfect Continuous (ทำมาต่อเนื่องจนถึงจุดหนึ่งในอดีต) 

โครงสร้าง: 
👉 Subject + had been + V-ing 
เทคนิคจำ: 
🔹 Perfect Continuous = ทำมานานแล้วในอดีต 

ตัวอย่าง: 

  • He had been studying for 3 hours before his mom called. (เขาเรียนมา 3 ชั่วโมงก่อนที่แม่จะโทรหาเขา) 

📝 คำบอกเวลา: for, since 

3. Future Tense (อนาคต) 

3.1 Future Simple (เหตุการณ์ในอนาคต) 

โครงสร้าง: 
👉 Subject + will + V1 
เทคนิคจำ: 
🔹 Simple = เรื่องปกติในอนาคต 

ตัวอย่าง: 

  • I will travel to Japan next year. (ฉันจะไปญี่ปุ่นปีหน้า) 

📝 คำบอกเวลา: tomorrow, next week 

3.2 Future Continuous (กำลังเกิดขึ้นในอนาคต ณ เวลาหนึ่ง) 

โครงสร้าง: 
👉 Subject + will be + V-ing 

ตัวอย่าง: 

  • This time next week, I will be lying on the beach. (เวลานี้สัปดาห์หน้า ฉันจะนอนอยู่บนชายหาด) 

3.3 Future Perfect (เกิดก่อนจุดเวลาในอนาคต) 

โครงสร้าง: 
👉 Subject + will have + V3 

ตัวอย่าง: 

  • By next year, she will have graduated. (ปีหน้าตอนนี้ เธอจะจบการศึกษาแล้ว) 

3.4 Future Perfect Continuous (ทำต่อเนื่องจนถึงจุดหนึ่งในอนาคต) 

โครงสร้าง: 
👉 Subject + will have been + V-ing 

ตัวอย่าง: 

  • By next month, I will have been working here for 2 years. (เดือนหน้าฉันจะทำงานที่นี่ครบ 2 ปีแล้ว) 

พิเศษ! แนะนำ SpeakUp ตัวช่วยเรียน 12 Tense อย่างเข้าใจง่าย 

หากคุณยังรู้สึกว่า การจำ Tense ทั้ง 12 แบบเป็นเรื่องยาก หรือ อยากฝึกพูดภาษาอังกฤษให้คล่องขึ้น SpeakUp เป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะกับคุณ! 

คอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ที่อธิบาย Tense อย่างเข้าใจง่าย 
สอนโดยครูเจ้าของภาษา (Native Speakers) 
ฝึกใช้ Tense ผ่านสถานการณ์จริง เช่น การสัมภาษณ์งาน การนำเสนองาน และการใช้ในชีวิตประจำวัน 
เรียนได้ทุกที่ทุกเวลา พร้อมแบบฝึกหัดและ Feedback จากครู

เทคนิคการจำโครงสร้าง 12 Tense 

อย่ากังวลว่า Tense เยอะ! เราสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก และในแต่ละกลุ่มมีเพียง 4 รูปแบบ ดังนี้ 

จำแค่ 3 กลุ่มหลัก: 

  1. Present (ปัจจุบัน) 
  1. Past (อดีต) 
  1. Future (อนาคต) 

แต่ละกลุ่มมีแค่ 4 แบบ: 

  • Simple → เหตุการณ์ทั่วไป 
  • Continuous → กำลังเกิดขึ้น 
  • Perfect → เกิดก่อนจุดเวลาใดเวลาหนึ่ง 
  • Perfect Continuous → เกิดขึ้นต่อเนื่องยาวๆ 

สรุปเทคนิคจำง่ายๆ 

💡 Simple = ปกติ (กินข้าวทุกวัน) 
💡 Continuous = กำลังทำ (กำลังกินข้าวตอนนี้) 
💡 Perfect = ทำเสร็จแล้ว (กินข้าวไปแล้ว) 
💡 Perfect Continuous = ทำมานานแล้ว (กินข้าวมาตั้งแต่ 10 โมง) 

💡 ถ้าอยากใช้ Tense ได้อย่างคล่องแคล่ว อย่าลืมฝึกฝนบ่อยๆ! 🚀 และหากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม SpeakUp มีคอร์สที่จะช่วยให้คุณใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจ! 💬💯

This will close in 0 seconds