สรุปหลักการใช้ If Clause 4 เงื่อนไขสำคัญ แบบเข้าใจง่าย

If Clause หรือ Conditional Sentence เป็นไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่คนไทยส่วนใหญ่ลงความเห็นเหมือนกันว่ายาก! ซึ่งประโยคเงื่อนไขในภาษาอังกฤษ เป็นแกรมม่าร์ที่ค่อนข้างซับซ้อน จำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานเรื่อง Tense และ Subject and Verb Agreement มาก่อน โดยในภาษาอังกฤษแบ่งวิธีการใช้ Conditional Sentence ออกเป็น 4 เงื่อนไข วันนี้ Speak Up Thailand โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ จะสรุปวิธีการใช้ If Clause ให้ทุกคนทำความเข้าใจกัน อ่านจบรับรองใช้เป็นแน่นอน

If Clause คืออะไร

ประโยคเงื่อนไข หมายถึง ประโยคที่ผู้พูดคาดการณ์ขึ้นมาว่า ถ้ามีการกระทำหรือเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว ก็จะมีอีกเหตุการณ์เกิดขึ้นตามมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่าง 2 เหตุการณ์อย่างมีเงื่อนไข

1. Zero Conditional Sentence (If Clause Type 0)

ประโยคเงื่อนไขที่เป็นจริงเสมอ คือ ถ้ามีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นแล้ว เหตุการณ์ต่อจากนี้จะเกิดขึ้นตามมาเสมอ ไม่มีข้อยกเว้น โดยปกติใช้บอกสิ่งที่เป็นความจริงตามธรรมชาติ กฎตามหลักวิทยาศาสตร์ (Scientific facts)

โครงสร้างประโยค

If + present simple, present simple

ตัวอย่างประโยค If Clause: Type 0
– If you heat the ice, it melts.
ถ้าคุณเอาน้ำแข็งไปอุ่น มันจะละลาย
– If my dog sees a stranger, it barks out loud.
ถ้าสุนัขของฉันเห็นคนแปลกหน้า มันจะเห่าเสียงดัง

2. First Conditional Sentence (If Clause Type 1)

ประโยคเงื่อนไขที่ใช้กับการกระทำหรือเหตุการณ์ที่มีแนวโน้มสูงว่าจะเกิดขึ้น โดยเมื่อมีการกระทำใดการกระทำหนึ่งเกิดขึ้น อีกการกระทำก็อาจจะตามมา (แต่ไม่ได้หนักแน่นจริงจังเหมือน Type 0)

โครงสร้างประโยค

ตัวอย่างประโยค If Clause: Type 1
– If you eat too much candy, you will get cavities.
ถ้าคุณกินลูกอมมากเกินไป ฟันจะผุได้
– If Carl speaks Chinese, she won’t understand him.
ถ้าคาร์ลพูดภาษาจีน หล่อนจะไม่เข้าใจเขาเลย

3. Second Conditional Sentence (If Clause Type 2)

ใช้กับเงื่อนไขหรือเหตุการณ์สมมติ จินตนาการที่เป็นไปไม่ได้ในอนาคต หมายรวมถึงเรื่องที่ตรงข้ามกับความเป็นจริงในปัจจุบัน

โครงสร้างประโยค

ตัวอย่างประโยค If Clause: Type 2
– If today were Friday, I would be at Jasmine’s home.
ถ้าวันนี้เป็นวันศุกร์ ฉันจะอยู่บ้านแจสมิน
– If it stopped raining, you could go out.
ถ้าฝนหยุดตก คุณก็ออกไปข้างนอกได้

4. Third Conditional Sentence (If Clause Type 3)

ประโยคเงื่อนไขซึ่งตรงกันข้ามกับความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว ใช้กับเหตุการณ์ที่ผู้พูดนำมาพูดซ้ำใหม่ เพราะรู้สึกเสียดาย หรือเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว

โครงสร้างประโยค

If + past perfect, past conditional

ตัวอย่างประโยค If Clause: Type 3
– If Helen had gone there, she would have met Tom Hardy.
ถ้าเฮเลนได้ไปที่นั่น หล่อนคงจะได้เจอทอม ฮาร์ดี (ความจริงที่เกิดขึ้นคือเฮเลนไม่ได้ไปที่นั่น ผลคือหล่อนไม่ได้เจอทอม)
– If I had caught Jack, he would not have fallen down the stairs.
ถ้าฉันคว้าแจ็คไว้ เขาคงไม่ตกบันได (ความจริงที่เกิดขึ้นคือฉันไม่ได้คว้าแจ็คไว้ ดังนั้นเขาจึงตกบันได)

ข้อสังเกตหลักการใช้ If Clause

– If Clause Type 0 และ Type 1 เป็นประโยคเงื่อนไขที่มีความใกล้เคียงกันมาก ควรจำไว้ว่า ถ้าเหตุการณ์หรือการกระทำที่จะตามมาเกิดขึ้นแน่นอน หลีกเลี่ยงไม่ได้ เราต้องใช้ Zero Conditional Sentence แต่ถ้ามีแค่แนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นแต่ไม่แน่นอน ใช้ First Conditional Sentence
– If Clause Type 2 เป็นประโยคเงื่อนไขที่ใช้กับเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ความฝัน หรือเหตุการณ์สมมุติ
– If Clause Type 3 เป็นประโยคเงื่อนไขที่อธิบายถึงเรื่องเล่าเหตุการณ์ในอดีต เป็นความรู้สึกผิด ความรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ทำ
ใช้ Comma (,) ทุกครั้งเมื่อ If ขึ้นต้นประโยคเงื่อนไข แต่ถ้า If เริ่มที่กลางประโยค ไม่จำเป็นต้องใส่ เช่น
– If Mena called Meg, she could go.
– You could have been on time if you had caught the bus.

แชร์บทความนี้

คอร์สเรียนภาษาอังกฤษกับราคาที่คุ้มค่า

คอร์สเรียนภาษาอังกฤษของ Speak Up Thailand ตอบโจทย์ทุกความฝัน และทุกความต้องการของคุณ ยิ่งเรียนระยะยาวยิ่งราคาลดลง  Speak Up Thailand เส้นทางสู่ความสำเร็จ

โปรโมชั่นคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์
พิเศษ สำหรับเดือนนี้เท่านั้น

Intensive Course เรียนสดออนไลน์ 40 ชั่วโมง 3 เดือน

เรียนสดออนไลน์กับคุณครูเจ้าของภาษา 40 ชั่วโมง
แถมฟรี! บทเรียน Multimedia 40 ชั่วโมง
แถมฟรี! Smart E-Book ลิขสิทธิ์เฉพาะ 40 ชั่วโมงList item

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลวส่วนบบุคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

Save