
Must กับ Have to ใช้ยังไงให้ถูกต้อง!
การใช้ Must ตามหลักไวยากรณ์
คำว่า Must ถูกจัดอยู่ในหมวด Modal Verb (กริยาช่วย) แบบเดียวกับพวก can, could , will, would, may, might, shall, should ที่ต้องตามด้วย Infinitive Verb (กริยาช่อง 1) เสมอ โดยจะมีโครงสร้างประโยคแบบนี้
รูปประโยคบอกเล่า: Subject + must + Infinitive Verb
ตัวอย่าง: I must clean my room before my mom comes back.
แปล: ฉันต้องทำความสะอาดห้องก่อนที่แม่จะกลับมา
รูปประโยคปฏิเสธ: Subject + must not + Infinitive Verb
ตัวอย่าง: Students must not copy their homework from friends.
แปล: นักเรียนต้องไม่ลอกการบ้านเพื่อน
ข้อสังเกต: Must ไม่ต้องเปลี่ยนรูปเลย ไม่มีการผันตามประธาน หรือ Tense ด้วย สามารถใช้ Must ในประโยคได้เลย
การใช้ Have to ตามหลักไวยากรณ์
ส่วนคำว่า Have to จริงๆ แล้วจัดว่าเป็นกริยาแท้ที่ผันตามประธาน และ Tense อ้างอิงจากพจนานุกรมอังกฤษ LONGMAN แต่บางตำราจัดให้เป็น Modal Verb (กริยาช่วย) เพื่อความสะดวกในการสอน หรือ จัดหมวดหมู่ สำหรับวิธีใช้แล้วนั้นก็จะมีโครงสร้างประโยคตามนี้เลย
รูปประโยคบอกเล่า: Subject + has/have to + Infinitive Verb
ตัวอย่าง: Every employee has to wear uniforms at work.
แปล: ลูกจ้างทุกคนต้องใส่ชุดยูนิฟอร์มที่ทำงาน
รูปประโยคปฏิเสธ: Subject + does not / do not have to + Infinitive Verb
ตัวอย่าง: Students do not have to go to school on weekends.
แปล: นักเรียนไม่ต้องไปโรงเรียนช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
ข้อควรระวัง: การใช้ Have to ต้องระมัดระวังการเปลี่ยนรูปตามประธาน และ Tense ดังนี้
รูปประโยคบอกเล่า | รูปประโยคปฏิเสธ |
He / She / It – has to | He/ She / It – does not have to |
They / We – have to | They / We – do not have to |
Present Tense | Has / have to |
Past Tense | Had to |
Future Tense | Will have to |
Must และ Have to ต่างกันยังไง?
นอกจากประเภทของคำและวิธีใช้ตามหลักไวยากรณ์ที่ต่างกันแล้ว การใช้เพื่อแสดงความจริงจัง หรือ ความรู้สึกผู้พูดก็ต่างกันด้วย สำหรับ Must จะใช้เมื่อผู้พูดมีความรู้สึกว่าจะต้องทำ เพราะมันสำคัญกับผู้พูด เกิดจากการตระหนักรู้เอง ไม่ได้มีใครมาสั่งให้ทำ แต่ Have to จะใช้ตอนที่ “ต้อง” ทำ เพราะคนอื่นๆ หรือ กฎ ข้อบังคับบอกให้ต้องทำ หรือเป็นสถานการณ์บังคับ
ตัวอย่าง
It’s late already. I must go – สายแล้ว ฉันต้องรีบไปแล้ว
My mom is sick. I have to go back now – แม่ฉันไม่สบาย ฉันต้องกลับแล้ว (สถานการณ์แม่ป่วยเลยต้องบังคับให้รีบกลับ)
แล้ว Must not กับ Does / Do not have to ล่ะ ต่างกันไหม?
คำตอบคือ ต่างกันในเชิงของความหมาย Must not จะมีความหมายว่า “ต้องไม่” ใช้กับข้อห้าม กฎข้อบังคับ เช่น ต้องไม่ดื่มเหล้าตอนขับรถ ในขณะที่ Does / Do not have to จะแปลว่า “ไม่จำเป็นต้อง” ใช้กับเรื่องที่จะทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ ไม่มีใครว่าอะไร เช่น ฉันไม่จำเป็นต้องรีบตื่นเช้า เพราะพรุ่งนี้ไม่มีเรียน
ตัวอย่าง
You must not park your car in this restricted area.
แปล: คุณต้องไม่จอดรถตรงพื้นที่หวงห้ามตรงนี้
You must not take pictures inside the building.
แปล: คุณห้ามถ่ายรูปภายในอาคาร
You do not have to wear a suit.
แปล: คุณไม่จำเป็นต้องใส่สูทมา
He does not have to work, because he is rich!
แปล: เขาไม่จำเป็นต้องทำงานเลย เพราะเขารวยยังไงล่ะ!
Speak Up TH สถาบันสอนภาษาอังกฤษออนไลน์รูปแบบใหม่ ที่จะปฏิวัติการเรียนภาษาอังกฤษแบบเดิมๆ ด้วยหลักสูตรที่รับรองผลลัพธ์พิสูจน์แล้วจากนักเรียน 400,000 กว่าคน คลาสเรียนขนาดเล็ก แบบกลุ่ม 4-5 คน และ แบบตัวต่อตัว ที่พร้อมจะตอบโจทย์ทุกความต้องการในการเรียนภาษาของทุกคน
คอร์สเรียนภาษาอังกฤษน่าสนใจ
คอร์สเรียนภาษาอังกฤษกับราคาที่คุ้มค่า
คอร์สเรียนภาษาอังกฤษของ Speak Up Thailand ตอบโจทย์ทุกความฝัน และทุกความต้องการของคุณ ยิ่งเรียนระยะยาวยิ่งราคาลดลง Speak Up Thailand เส้นทางสู่ความสำเร็จ

LIVE LECTURE COURSE
เรียนสดออนไลน์กับคุณครูเจ้าของภาษา
60 Classes : 3 เดือน
- คลาสเรียนกับครูเจ้าของภาษา 20 บทเรียน
- บทเรียนมัลติมีเดีย 20 บทเรียน
- บทเรียนจากหนังสือเรียน 20 บทเรียน
บทความที่น่าสนใจ

อีเมลสมัครงานภาษาอังกฤษ เขียนยังไงให้ถูกใจ HR ฉบับ 2023

ประโยคภาษาอังกฤษง่าย ๆ เอาไว้ใช้ตอนประชุม
