การใช้ Can และ Could แกรมม่าที่คนไทยมักใช้ผิด!

การเรียนภาษาอังกฤษจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป! หากคุณมีพื้นฐานที่ดี การเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจแกรมม่าง่าย ๆ อย่างการใช้ “Can” และ “Could” ให้ถูกต้อง ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญ แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นสิ่งที่เราเรียนมาตั้งแต่เด็ก แต่หลาย ๆ คนก็ยังมีการใช้ผิดอยู่บ่อย ๆ วันนี้โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษสำหรับผู้ใหญ่ Speak Up Thailand จะมาสรุปวิธีการใช้ไวยากรณ์นี้ให้เข้าใจ พร้อมตัวอย่างประโยคเพื่อให้คุณนำไปฝึกใช้ได้อย่างถูกต้อง 

Can กับ Could คืออะไร?

“Can” และ “Could” เป็น Modal Verb (กริยาช่วย) เช่นเดียวกับ will, would, may, might, shall, should, และ must โดยจะตามด้วย Infinitive Verb (กริยาช่อง 1) เสมอ โครงสร้างประโยคคือ

Subject + can/could + Infinitive Verb

Can กับ Could ใช้ยังไง?

การใช้ Can และ Could สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ บอกความสามารถ (Ability) , ขอร้อง หรือขออนุญาต (Request & Permission) , และเรื่องสุดท้าย บอกความเป็นไปได้ (Possibility)  เรามาดูวิธีการใช้ในแต่ละหัวข้อกันดีกว่า

1. ใช้เพื่อบอกความสามารถ (Ability)

Can และ Could สามารถใช้เพื่อบอกความสามารถ หรือ ทำอะไรสักอย่างได้ แต่จะแตกต่างกันที่ Tense  โดย Can จะใช้สำหรับบอกความสามารถในปัจจุบัน (Present Tense) หรือ ในอนาคต  (Future Tense) ในขณะที่ Could จะใช้บอกความสามารถในอดีต (Past Tense)

ตัวอย่าง: 
I can speak three languages, which are Thai, English, and Japanese. 
แปล: ฉันสามารถพูดได้ 3 ภาษา นั่นก็คือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และ ภาษาญี่ปุ่น 
She can’t swim. 
แปล: เธอว่ายน้ำไม่เป็น  
When I was 8 years old, I could understand Chinese very well. 
แปล: ตอนฉัน 8 ขวบ ฉันสามารถเข้าใจภาษาจีนได้ดีมากๆ (ตอนนี้โตแล้ว อาจจะไม่ค่อยได้ใช้ เลยเข้าใจได้ไม่ดีเท่าเมื่อก่อน) 
When my boyfriend was in high school, he couldn’t drive. 
แปล: ตอนแฟนฉันอยู่มัธยม เขาไม่สามารถขับรถได้ (ตอนนี้ขับได้แล้ว)

2. ใช้เพื่อขอร้อง หรือ ให้อนุญาต (Request & Permission)

ความน่าสนใจของแกรมม่าเรื่องนี้คือ Can และ Could สามารถใช้กับการขอร้อง หรือ ขออนุญาตได้ด้วย แต่จะแตกต่างกันแค่ ระดับความสุภาพ เท่านั้นเอง  Can จะมีความเป็นกันเองมากกว่า ส่วนใหญ่ใช้กับคนที่อายุไล่เลี่ย หรือ คนสนิท เช่น เพื่อน และ คนในครอบครัว  สำหรับ Could นั้นจะมีความเป็นทางการและสุภาพมากกว่า มักจะใช้กับคนที่อายุมากกว่า หรือ ตำแหน่งที่สูงกว่า เช่น คุณครู และ หัวหน้า 

ตัวอย่าง:
Can I borrow your phone?
แปล: ฉันขอยืมโทรศัพท์หน่อยสิ
You can stay over tonight if it rains.
แปล: คุณสามารถนอนค้างที่นี่ได้นะ ถ้าฝนตก (ในกรณีนี้ คือ ใช้ Can เพื่อให้อนุญาต)
Could you please tell me where the principal’s room is?
แปล: คุณบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าห้องผู้อำนวยการอยู่ที่ไหน
Could you forward Ms. Jane’s email to me, please?
แปล: คุณช่วยส่งต่ออีเมลคุณเจนมาให้ฉันหน่อยสิ

3. ใช้บอกความเป็นไปได้ (Possibility)  

นอกจากบอกความสามารถ และ ขออนุญาตแล้ว Can กับ Could ยังใช้บอกความเป็นไปได้ของสถานการณ์ หรือ เหตุการณ์ต่างๆ ได้ด้วย  Can จะใช้บอกความเป็นไปได้ทั่วๆไป ไม่เฉพาะเจาะจง แต่มีความเป็นไปได้สูง ในขณะที่ Could จะบอกความเป็นไปได้ที่ไม่แน่นอน โอกาสเกิดน้อยกว่า

ตัวอย่าง:
Cigarette smoking can cause cancer
แปล: การสูบบุหรี่สามารถทำให้เกิดมะเร็งได้ (มีความเป็นไปได้สูงจากหลักฐานทางการแพทย์)
Heavy rain can increase the risk of car crashes
แปล: ฝนตกหนักสามารถเพิ่มความเสี่ยงที่รถจะชนได้
Car accident could be avoided if the government invests more on road maintenance
แปล: อุบัติเหตุทางรถยนต์น่าจะหลีกเลี่ยงได้หากรัฐบาลทุ่มงบบำรุงรักษาถนนมากขึ้น
They could come here by bus
แปล: พวกเขาน่าจะมาที่นี่ด้วยรถบัสนะ (มีโอกาสที่จะมาด้วยยานพาหนะอื่นๆ เช่น รถส่วนตัว)

สรุปการใช้ Can และ Could

CanCould
บอกความสามารถ (Ability)บอกความสามารถในปัจจุบัน (Present Tense) หรือ ในอนาคต  (Future Tense)ใช้บอกความสามารถในอดีต (Past Tense)
ขอร้อง หรือ ให้อนุญาต
(Request & Permission)
มีความเป็นกันเอง มักใช้กับเพื่อน หรือ คนที่สนิทด้วยเท่านั้นมีความทางการ และแสดงถึงการให้ความเคารพคู่สนทนามากกว่า
ใช้บอกความเป็นไปได้ (Possibility)บอกความเป็นไปได้ทั่วๆไป มีความเป็นไปได้สูง บอกความเป็นไปได้ที่ไม่แน่นอน โอกาสเกิดน้อยกว่า

พออ่านสรุปแล้ว แกรมม่าเรื่องนี้ก็ไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะ!  นอกจากนี้ Speak Up Thailand จะบอกเคล็ดลับดีๆ ในการเก่งภาษาอังกฤษให้ ถ้าเพื่อนๆ อยากใช้ภาษาอังกฤษให้คล่องแล้วล่ะก็ ต้องใช้สิ่งที่เรียนมาบ่อยๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการท่องทบทวน หรือ ใช้สื่อสารกับเจ้าของภาษา ก็จะช่วยให้เก่งได้ไวขึ้น 

แต่! หลายๆ คนที่ทำงานแล้วก็อาจจะไม่มีเวลามานั่งทบทวน หรือ ไม่ค่อยมีโอกาสพูดคุยกับชาวต่างชาติ ไม่เป็นไร! สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เพราะ โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ Speak Up Thailand เปิดคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์พร้อมยกทีมครูเจ้าของภาษามาให้ถึงที่! เรียนที่บ้านสบาย ไม่ต้องกลัวรถติด ไม่ต้องเสียค่าน้ำมันด้วย!หากใครกำลังมองหาที่เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ พร้อมคอร์สเรียนสดออนไลน์ที่ให้เพื่อนๆ ได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษกับครูเจ้าของภาษาที่เข้าใจปัญหาการเรียนภาษาอังกฤษของคนไทยเป็นอย่างดี และพร้อมที่จะช่วยพัฒนาเสริมความมั่นใจให้กับผู้เรียนผ่านบทเรียนกว่า 500+ หัวข้อ

โปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นสุดคุ้มเฉพาะนักเรียนใหม่! คอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save